ที่ผ่านมาดิฉันรู้สึกชื่นชมคุณอุ๋ยนะคะ
เพราะที่บ้านก็ไปกปปส.เหมือนกัน
แต่ขณะเดียวกันดิฉันก็เข้าวัดปากน้ำเหมือนคุณอุ๋ยด้วย แต่พอย้อนดูคุณอุ๋ยหน้าจอตอนออกรายการ
ก็เกิดความไม่สบายใจ ที่คุณอุ๋ยพูดว่า ไม่ขอเรียกพระธัมมชโยว่าพระ
เพราะขาดจากความเป็นพระแล้ว
ตรงจุดนี้เอง ในฐานะที่ดิฉันดูรายการคุณอุ๋ย
ก็อยากให้ข้อมูลคุณอุ๋ยเพิ่มนิสนึง และก็จะขอตอบคนไทยทั้งหมดด้วย
แต่ไม่ได้ตอบเพราะเข้าข้างพวกวัดธรรมกายนะคะ แต่ดิฉันในฐานะที่ศึกษาธรรมะมาคนนึง…
ที่คุณอุ๋ยบอกว่า เจ้าอาวาสไม่ใช่พระเพราะอวดอุตริฯ
???
หากคุณอุ๋ย หรือผู้อ่านคนอื่นๆเกลียดวัดพระธรรมกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
มาอ่านบทความนี้ ก็คงมีคำตอบในใจอยู่แล้วว่า "เจ้าอาวาสวัดนี้
อวดอุตริฯจริง" ซึ่งไหนๆ ก็คิดว่าจริงแล้ว ก็อยากให้อ่านต่ออีกนิด แต่ดิฉันก็ไม่ได้หวังจะให้ผู้อ่านเปลี่ยนใจอะไรหรอก
เพราะแค่อยากให้ผู้อ่านมีข้อมูลอีกด้านว่า เจ้าอาวาสท่านอวดอุตริฯ
จริงๆ หรือเป็นเพราะเราหลงเชื่อตามๆ กันมาโดยที่ไม่ได้ศึกษาจริงจังกันแน่
ดังนั้น ก่อนจะกล่าวหาว่า
เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า..อวดอุตริฯ หรือ make เรื่องมั่วๆ มาหลอกคน
ตามที่คุณอุ๋ยดูจากช่อง DMC ก็อยากจะถามผู้อ่านร่วมทุกคนว่าเข้าใจคำว่า
"อวดอุตริมนุสธรรม" มากแค่ไหน ? คำนี้หมายถึงอะไร ?
มีความหมายครอบคลุมแค่ไหน ?
หรืออย่างหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ที่ท่านใช้สิ่งที่ได้จากการทำสมาธิขั้นสูง อธิบายนรกสวรรค์
และช่วยมนุษย์ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือเอาบุญไปช่วยมนุษย์ที่ตายไปแล้ว ก็ไม่ถือเป็นการอวดอุตริฯ เช่นกัน
มาถึงกรณีของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หากลองปลอมตัวเข้ามาเป็นสาวกวัดนี้ ก็จะพบว่า ท่านไม่เคยพูดโอ้อวดตัวถึงความทรงอภิญญาใดๆ ของท่านเลย แถมเวลาจะเทศน์สอนยังพูดทุกครั้งแถมย้ำว่า “หลับตา ฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาวหนึ่งที แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา...ให้พอเป็นความรู้ติดแข้งติดขา ถ้าจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”
แถมไม่เคยมีสักครั้งที่ท่านจะกล่าวอ้างตัวเองว่า ท่านนั่งสมาธิไปดูด้วยตัวเอง หรือใช้ญาณทัสสนะของท่านไประลึกชาติ เพื่อดูเรื่องราวในอดีตหรือดูการไปเกิดมาเกิดของใคร เพราะฉะนั้น การเล่าเรื่องในลักษณะนี้ จึงไม่ใช่การอวดอุตริมนุสธรรม แต่มีจุดประสงค์มุ่งเน้นสอนคนให้คนรู้และเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรม
จากพฤติกรรมของท่านจะเห็นว่า นอกจากไม่อวดอุตริฯ แล้ว ต้องบอกว่า ท่านยังถ่อมตัวด้วยซ้ำ เพราะลองคิดดูเถอะ หากคนๆ หนึ่ง ตั้งแต่อายุ 19 ปี ก็นั่งสมาธิทั้งวี่ทั้งวันกับแม่ชีที่สำเร็จวิชชาที่เป็นศิษย์เอกของหลวงปู่วัดปากน้ำมาตลอด (คุณยายจันทร์ ขนนกยูง) และพอเรียนจบปริญญาตรี ก็บวช และนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้านับเวลาถึงตอนนี้ก็นั่งสมาธิมายาวนานถึง 54 ปี โดยไม่ขาดแม้แต่เพียงวันเดียว แถมนั่งที..ก็ไม่ใช่นั่งแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง เพราะปกติท่านนั่งครึ่งค่อนวันหรือทั้งวัน
ตรงจุดนี้ อยากให้ทำใจเป็นกลางๆ แล้วลองคิดดูเถอะว่า ท่านนั่งสมาธิเยอะขนาดนี้ จะไม่บรรลุธรรมะอะไรบ้างเลยรึ ? และที่มากไปกว่านั้นท่านยังอ่านพระไตรปิฎกจนหมด สวดปาฏิโมกข์ได้ทั้งแบบสวดไปและสวดย้อนกลับอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ดูหนังสือเลย ซึ่งพระอย่างนี้จะไม่มีคุณวิเศษอันใดเลยรึ ?
และที่คุณอุ๋ยพูดถึงกรณีหลวงพ่อโกงที่ดินวัด เมื่อก่อนดิฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนคุณอุ๋ยนี่แหละค่ะ แต่พอไปเจอเอกสารชี้แจงที่พวกวัดธรรมกายเค้าทำมา ก็เลยคิดอีกอย่างนึง ก็เลยอยากเอามาแชร์เพื่อให้เข้าใจกันค่ะ
ส่วนที่คุณอุ๋ยบอกว่าถ้าทำบุญกับพวกวัดธรรมกาย
แล้วจะได้เลื่อนสวรรค์ไปชั้นนั้นชั้นนี้
ตรงนี้เองถ้าคุณอุ๋ยเป็นศิษย์วัดปากน้ำ
ก็น่าจะรู้คำตอบตรงนี้ได้ชัด
เพราะสมัยที่หลวงพ่อวัดปากน้ำยังมีชีวิตอยู่ หลังท่านฉันเสร็จ
ก็จะมีคนเอารูปหรือเขียนชื่อคนตาย พร้อมซองทำบุญ ไทยธรรม มาถวาย
ซึ่งหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านก็ให้แม่ชีที่ได้ธรรมกายที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่าน 2 -3 คน
(ซึ่งจะหมุนเวียนผลัดวันกันมาเพราะพวกได้ธรรมกายมีหลายคน) แล้วหลวงพ่อวัดปากน้ำก็บอกว่า
ให้เอาบุญไปให้ จากนั้นก็ให้แม่ชีนั่งสมาธิส่งบุญให้ผู้ตายตรงนั้นกันเลย แถมยังไปดูอีกว่า
ไปสวรรค์ชั้นไหนแล้ว หรือช่วยจากนรกได้ไหม
ซึ่งการกระทำอย่างนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกตินะคะ ไม่เชื่อลองไปถามแม่ชีที่วัดปากน้ำดูก็จะได้ข้อมูลที่ชัดขึ้นค่ะ
ปล.คุณอุ๋ยอย่าโกรธดิฉันที่ตอบแบบนี้นะคะ เพราะดิฉันคิดว่า คนรุ่นใหม่อย่างคุณอุ๋ย ใจกว้างพอจะรับความคิดต่างหรือข้อมูลเพิ่มจริงๆค่ะ
ปล.คุณอุ๋ยอย่าโกรธดิฉันที่ตอบแบบนี้นะคะ เพราะดิฉันคิดว่า คนรุ่นใหม่อย่างคุณอุ๋ย ใจกว้างพอจะรับความคิดต่างหรือข้อมูลเพิ่มจริงๆค่ะ
CR : copy มาจากห้อง Line คุณ จีน่าแจ๊ดบลา..บลา…
ใครเชื่อเหตุผล คนนั้นเชื่อกฏแห่งกรรม ยิ่งทำกรรมกับผู้มีศีลบริสุทธิ์ น่ากลัวมากค่ะ
ตอบลบอุ๋ย ต้องมาพิสูจน์นะจ๊ะ ยิ่งถ้าคิดว่าหลวงพ่อ อวดล่ะก้อ มานั่งสมาธิ และเรียนกับหลวงพ่อเลย เผื่ออุ๋ยจะได้ไปดูนรก ขุมที่อยู่ของผู้จาบจ้วงพระน่ะ
ตอบลบไม่ต้องให้ "อุ๋ย" เข้ามาหรอก เป็นเสนียดจัญไร บุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์เสียเปล่าๆ
ลบคนแบบนี้ หาดี เอาดี ไม่ได้ เรื่องหยาบๆ ยังแสดงออกถึงความชั่วของตัวเองชัดเจนขนาดนี้ ทั้ง คิด พูด ทำ
ฉะนั้น เรื่องละเอียด อย่าไปหวังว่ามันจะนั่งได้ดีเลย
ไม่ได้ดูถูกหรอก แต่เชื่อว่าอย่างนั้น
ขอคุณ Chitra อย่าถือสาผมนะ
เขียนตอบได้ดีน่าอนุโมทนาสาธุการ
ตอบลบอยู่ในนารก ร้อนดั่งกับไฟเย่อ
ตอบลบ555555 คิดได้ไงครับ โครตฮาเลย
ลบเราจะวิพากวิจารณ์ใครก็ได้ แต่ต้องมองดูตนเองด้วยศีลมีกี่ข้อ 5 หรือ 8 หรือมีศีลกระพร่องกระแพ่ง แต่พระท่านมี 227 ข้อ
ตอบลบเขียนตอบได้ชัดเจนดีค่ะ ไม่มีอคติ คุณอุ๋ยคงจะเปิดใจทำความเข้าใจตามที่คุณจีน่าฯอธิบายนะคะ สาธุ
ตอบลบดิฉันไม่ได่รุ้สึกโกรธหรือแอนตี้คุณอุ๋ยนะคะ แต่ดลับรุ้สึกดีที่เค้ากล้าออกมาลุยมาถามเองโดยไม่ต้องแอบอยุ่ในมุมมืดแล้ารอทิ่มแทงซ้ำ การเชื่ออะไรยากๆและต้องประกอบด้วยเหตุจำนนด้วยผลของคุณอุ๋ยดีและถูกต้องชัดเจนในความเป็นชายแมนๆ ชื่นชมค่ะ และจะรุ้สึกชื่นชมมากๆยิ่งนักถ้าคุณอุ๋ยเสียสละความสุขทางโลกเข้าไปบวชไปศึกษาเพื่อจับผิดพระท่านในฐานะพุทธศาสนิกชนเพื่อปกป้องพระศาสนาของพระตถาคตเจ้า ดิฉันจะขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมอนุโมทนาสาธุการทั่วทั้งแผ่นดินโลก เพราะเชื่อแน่ว่าชาวพุทธทั่วโลกก็อยากรุ้ความจริง คุณอุ๋ยที่รักของพวดเราคะได้โปรดเถิดนะคะ บวชเลย บวชเลย บวชเลย ขอเสียงสนับสนุนด้วยนะคะ ถ้าพบความจริงว่าพระท่านผิดจริงแล้วไซร้ เราจะรวมพลคนรักพระพุทธศาสนามาshut downปทุมธานีกันเลยค่ะ ตอนชัทดาว์นแบงค์คอกดิฉันก็ไปมาแล้วค่ะ เจอกันเมื่อชาติต้องการนะคะ
ตอบลบอ่านแล้วเข้าใจ ดีค่ะ แล้วคุณอุ๋ย บุดดาเบส พอจะเข้าใจขึ้นบ้างมั๊ย โปรดมองและเปิดใจให้กว้างๆ เราเป็นขาวพุทธเหมือนกัน ต้องช่วยกันค่ะ
ตอบลบดิฉันมีศีลแค่5ข้อนะคะซึ่งกระพร่องกระแพร่งเพราะข้อ4นี่แหร่ะบางทีมันอดไม่ไหว ก็มีส่อเสียด มีหยาบคายตามกระแสสังคมไปบ้าง แต่ก็พยายามระวังตัวอยุ่นะคะ วันนี้ไม่ได้มาวิพากษ์ใครนะคะเพราะดูตามเนื้อเรื่องหน้างานแล้วคุณอุ๋ยอาจไม่น่ารักนิดหน่อยตอนเอ่ยถึงพระท่าน ไม่เรียกแบบให้เกียรติแต่นั่นจะเป็นการไม่เคารพบุคคลผู้ควรเคารพ คุณอุ๋ยก็อาจจะไปได้รับกรรมนั้นเองในวันที่กรรมส่งผล แต่ไม่รุ้เมื่อไหร่นะคะแล้วแต่วิบาก แต่ยังไงก็ขอให้ทุกๆฝ่ายอยุ่เย็นเป็นสุข ไปดีมาดีนะคะ โชคดีทุกๆคนค่ะ
ตอบลบแล้วแต่คนจะคิด แล้วแต่ความเชื่อครับ
ตอบลบบาปกินกบาล ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม วาจาจาบจ้วงพระ
ตอบลบพวกเดียวกันอุตส่าห์เมตตามาอธิบายให้ฟังถึงขนาดนี้แล้ว อุ๋ยจะเข้าใจขึ้นบ้างมั๊ย
ตอบลบถ้าไม่เข้าใจอะไรขึ้นมาเลย ก็คงเป็นเหมือนยายหอยสมัยพุทธกาลนั่นเอง
ขอบคุณบทความดีๆ เช่นนี้ค่ะ
ตอบลบโยมพ่อของหลวงพ่อก็เป็นอุบาสกถือศีล8 อาสาสมัครทำงานที่วัด กินนอนรวมกับอุบาสกท่านอื่นๆ รับเงินเดือน 4 พันบาทตลอดจนกระทั่งเสียชีวิต(จักรยานก็ไม่แน่ใจว่ามีรึเปล่า) ถ้าหลวงพ่อโลภ หลอกลวง หรือไม่ตั้งใจทำเพื่อพระพุทธศาสนาจริง คงเลี้ยงดูโยมพ่อให้อยู่อย่างหรูหร๋าได้สบาย แต่ท่านไม่ทำ (เท่าที่รู้ท่านขาดการติดต่อกับโยมแม่ตั้งแต่ยังเด็กแล้ว)
ตอบลบคุณอุ๋ยศึกษาข้อมูลเยอะๆกว่านี้ก็จะดีนะคะ ไม่งั้นเผลอสติสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองไม่รู้ตัว
ตอบลบอยู่ดี ๆ ก็หาเรื่อง ลงนรก กรรมใครกรรมมันวุ้ย
ตอบลบนี่คือผู้ที่รู้จริงจึงบันทึกข้อมูลได้ดียิ่ง สาธุ
ตอบลบอยากรู้ให้มากกว่านี้ต้องไปบวช อุ๋ย บุดด้าเบลสจะได้เลิกสงสัยซะที
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบวันนี้ไปทำงานมีคนว่าพระแล้วอดสงสารเขาไม่ได้ ถ้าท่านยังไม่เคยไปวัดพระธรรมกาย ไม่เคยฟังแม้ท่านเคยสอนอะไรอย่าว่าวัดอย่าว่าคนศรัทธาวัดเลย เพราะมันบาป ถ้าอยากรู้จริงลองเปิดช่องดีเอ็มซีย้อนหลังดูเถอะ. แล้วคุณจะไม่ว่าวัดเลย อย่าว่าวัดอย่าว่าคนวัดพระธรรมกายด้วยเพราะความไม่รู้แล้วเกลียดชังเลย
ตอบลบคุณอุ๋ยเป็นผู้มีวาสนาปัญญามาแล้ว
ตอบลบอยากให้เปิดใจกว้าง ศึกษาดูนะคะ
การฟัง การดูตามๆกันมา โดยไม่ลงมาสืบค้นเอง
จะเสียชาติเกิดในการสร้างบุญติดตัวไป เพราะทิฏฐิที่ปิดกั้น ลองอธิษฐานให้เจอข้อมูลที่แท้จริง ที่ไม่ทำให้ตัวคุณอุ๋ยพลั้งเผลอสร้างผังบาปติดตัวไปโดยไม่ตั้งใจ เพราะเจอแต่คนลวง ข้อมูลลวง ขอให้เจอแต่พระแท้ ข้อมูลแท้ นะคะ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบอธิบายได้ดีครับ มีเหตุมีผลเนื้อหากระฉับดี อนุโมทนาบุญครับ
ตอบลบคนดีจะไม่กล่าวร้าย ว่าร้าย พูดให้ร้ายคนอื่นแบบนี้ แสดงว่าคุณไม่ใช่คนดีค่ะ ตรงข้ามกับหลวงพ่อคะ ตั้งแต่ที่เข้าวัดมาทุกครั้งที่มีการกล่าวว่าร้ายท่าน ตกแต่งภาพ ใช้คำพูดจาบจ้วงท่าน ไม่เคยได้ยินท่านว่าร้ายตอบโต้ใครเลยสักครั้งเดียว มีแต่บอกให้แผ่เมตตา ให้อภัย เพราะบุคคลเหล่านั้นเขากระทำด้วยความไม่รู้ความจริง ท่านไม่เคยสอนให้สาธุชนโกรธเกลียดชังใครเลยแม้แต่คนที่ทำร้ายเราค่ะ เราสสอนให้เราละชั่วสอนให้ทำแต่ความดีค่ะ นี่คือหลวงพ่อธัมมชโยของพวกเราค่ะ
ตอบลบอุ๋ยช่วยให้ข้อคิดมุมมองกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้หน่อยค่ะ อยากฟังค่ะ
ตอบลบขอกราบอนุโมทนาสาธุการด้วยครับ แก้ข้อสงสัยให้ทุกฝ่ายได่อย่างหมดจดจริงๆครับ ผู้ที่มีธรรมะละเอียดๆนี่ คิด พูด ทำ อะไร ก็ล้วนแต่ยกใจคนทั้งสิ้นจริงๆ
ตอบลบอยากให้ทุกคนลงมือทำมากกว่ามา กล่าวว่ากันค่ะ มานั่งสมาธิ ทำทานรักษาศีลกันดีกว่าค่ะ
ตอบลบหวังว่าคงชอบที่ๆจะได้ไปนะจ๊ะคนดี
ตอบลบชอบมากในบทความที่คุณเขียน มีเหตุผลดี
ตอบลบจำวันออกพรรษาได้มั้ยคะว่าเรื่องราวเป็นยังไง พระพุทธเจ้าเปิด 3 โลกให้ได้ดูกัน มนุษย์เห็นสวรรค์ นรก สวรรค์เห็นนรก มนุษย์ นรกเห็น สวรรค์ มนุษย์ แม้แต่นาคยังเห็นพระพุทธเจ้าที่ลงมาจากสวรรค์ หลังจากไปโปรดพระมารดาในสวรรค์
ตอบลบจนเป็นเหตุให้มี "บั้งไฟพญานาค"พ่นไฟเพื่อเป็นพุทธบูชาด้วยความศรัทธาอยากเกิดเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง ช่างมีคุณวิเศษจังเลย ท่านทำเพื่อให้เห็นกันทั่วว่า นรกมีจริง สวรรค์มีจริง ให้ 3 โลกหันมาสร้างแต่กรรมดีกัน สาธุ
คุณอุ๋ย บอกว่ารู้เรื่องพระพุทธศาสนาดีมาก แต่ทำไม๋ตั้งชื่อวงเป็นชื่อ พระพุทธเจ้า คุณอุ๋ยช่างไม่รู้จักที่ต่ำ ที่สูง เหมือนคางคกขึ้นวอ หรือ กิ้งก่าได้ทอง อย่างนั้นละค่ะ ตีตนเสมอท่าน สำคัญตัวผิด คิดว่า ตัวเองบรรลุแล้ว อย่างนั้นหรือค่ะ บาปหนา แถมไม่รู้ตัว น่าสงสารนะค่ะ นรก มีจริงเชือไม๋ค่ะ ตกนรกนะมันง่าย กว่าขึ้นสวรรค์ รู้หรือไม่
ตอบลบพระพุทธเจ้าฯทรงเคยตรัสเหรอครับว่า "ในบุญยกริยาวัตถุ 10 ประการ อานิสงค์ของการให้ทานเป็นชั้นต่ำสุด" ในรายการต่างคนต่างคิด(นาทีที่ 11.11 นาที...)
ตอบลบผมว่าถ้าจะพูดถึงเรื่องใดๆ ควรมีเวลาหรือสถานการณ์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น ตอนสมัยหลวงพ่อฯวัดปากน้ำ มาจำพรรษาในกรุงเทพฯใหม่ๆ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นวัดพระเชตุพนฯ) ขณะกลับจากบิณฑบาตรตอนเช้า ท่านได้อาหารบิณฑบาตรแค่ ข้าวเปล่า+กล้วย และท่านไปเห็น สุนัขแม่ลูกอ่อน ที่ไม่มีอาหารกิน หลวงปู่ฯท่านจึงตัดสินใจ แบ่งข้าวเปล่าครึ่งนึง บริจาคเป็นทานให้สุนัขไป ส่วนท่านก็เหลือข้าวเปล่าครึ่งนึง แม้รู้ว่าท่านอาจจะฉันไม่อิ่มแต่ท่านก็ยินดีบริจาคทานให้สุนัขไป...หากสมมุติวันนั้นหลวงปู่ฯท่าน เจริญภาวนาจิตว่า เจ้าสุนัขนี้ เจ้ามีกรรมเก่าของเจ้าที่เคยทำกรรมผิดศิลข้อ3+กรรมตระหนี่หวงแหนทรัพย์ มาในอดีต ทำให้เจ้าต้องมาเป็นสุนัขแบบอดๆ อยากๆ และแผ่เมตตาให้กับสุนัขตัวนั้น ไปว่า สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขๆเทอด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย...และท่านก็เดินจากสุนัข กลับวัดท่านไป หลวงปู่ฯท่านก็ทำได้ใช่ไหม??? แต่หลวงปู่ฯท่านกลับเลือกที่จะแบ่งข้าวครึ่งนึงบริจาคทาน แก่สุนัขไป(เห็นไหมครับ บางสถานะการณ์ที่จำเป็น หลวงปู่ฯท่านก็เลือกที่จะให้ทาน)...
ในกรณีวัดพระธรรมกายก็เช่นเดัยวกัน ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาวัดมีโครงการฯ เผยแผ่ธรรมมะไปทั่วโลก และขณะเดียวกันสาธุชนที่มาปฎิบัติธรรมบำเพ็ญที่วัดก็มากขึ้นตามลำดับ อีกทั้งพระธรรมทายาทที่อุปสมบทในโคงการต่างๆ ตลอดทั้งปีก็เพิ่มขึ้นเป็นหลักหลายพันรูป จึงจำเป็นต้องสร้างศาสนวัตถุทุกๆอย่างรองรับงานเผยแผ่ในระยะยาว...
ดังนั้นหลวงพ่อฯ จึงจำเป็นต้องเทศน์+บอกบุญเพื่อสร้างศาสนวัตถุต่างๆ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหลวงพ่อฯ ท่านต้องการเวลาที่เหลือในชีวิตของท่านไปนั่งหลับตาปฎิบัติธรรม ตามจริยวัตรที่ท่านชอบการปฎิบัติธรรมเป็นชีวิตจิตใจ... ถามว่าหลวงพ่อฯ ท่านผิดเหรอครับ ที่บอกบุญบ่อย??? ในขณะที่ศาสนวัตถุยังก่อสร้างไม่เสร็จสิ้นตามเป้าหมาย ในมุมกลับกันลูกศิษย์มากมาย กลับคิดว่านี่คือ โอกาสที่เราจะได้สร้าง "มหาทานบารมี" ที่พวกเราได้ร่วมกันทำ
ถามว่าคุณปลูกต้นไม้ใหญ่ 1 ต้นที่บ้าน มีนกได้มาอาศัยทำรังพักพิงอาศัย แล้วเราก็ยินดีไม่ขับไล่นกไป
ให้นกได้อาศัยตามอรรตภาพของเค้า คุณได้บุญไหมครับ?? แล้วหากการสร้างกุฎิที่พักสงฆ์อยู่อาศัยได้จำนวนหลายพันรูป..หรือการสร้างมหารัตนวิหารคต ที่รองรับพระภิกษุสงฆ์ที่จรมาจากทิศทั้ง4 จำนวน 300,000 รูป เพื่อมาปฎิบัติธรรม บำเพ็ญบุญวันสำคัญต่างๆทางพุทธศาสนา ตลอดจนได้ถวายภัตตาหารและเครื่องไทยธรรมต่างๆ ด้วย
!!! คุณคิดว่าผู้ร่วมบริจาคทานเพื่อสร้างศาสนวัตถุเหล่านี้ ได้บุญ ได้อานิสงค์ มาก หรือ น้อยครับ???
แบบนี้คุณจะมาพูดว่า "อานิสงค์ของการให้ทานเป็นชั้นต่ำสุด" คงไม่ถูกต้องนะครับ ทำไมไม่มองให้กว้างๆ ว่านี้คือการบำเพ็ญทานบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป หรือคุณจะเถียงว่า พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ไม่ต้องบำเพ็ญข้อทานบารมี
ให้เต็มเปียมก็สามารถบรรลุพระโพธิญาณได้...
แล้วเรื่องที่คุณบอกว่า ทำไมหลวงพ่อฯ ถึงไม่เน้นสอนการรักษาศิล หรือ สมาธิภาวนา? ไม่ต้องใช้เงินด้วย อันนี้ขอ
บอกเลยว่าคุณตกข่าวแล้วเพราะ หลวงพ่อฯสอนเรื่องการรักษาศิล หรือ เจริญสมาธิภาวนา เป็นปกติอยู่แล้วครับ
สุดท้ายในฐานะที่คุณบอกว่าก็เป็นลูกศิษย์วัดปากน้ำ นับถือหลวงปู่สดฯ เช่นกัน ลองไปหา เสียงพระธรรมเทศนาเก่าของหลวงปู่สดฯ ผมเคยฝังเจอแต่จำไม่ได้ว่าอยู่กัณฑ์ที่เท่าไร...(หลวงปู่สดฯ ท่านบอกว่า บารมี ทั้ง 10 ประการนี้
ตอบลบจะพร่องข้อไหน ก็ยังพอได้ แต่อย่าขาดข้อ "ทานบารมี" คิดว่าท่านฯ คงทราบดีว่าถ้าชาติใดเราขาดทานบารมี เมื่อไร
จิตก็จะเริ่มตระหนี่หวงแหนทรัพย์ วิบากนี้จะทำให้ภพชาติต่อๆไป ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ จะไปเกิดในตระกูลต่ำ ยากจน ไม่มีทรัพย์ ก็จะทำให้ทั้งชีวิต ต้องดิ้นรนทำมาหากิน ผิดศิลต่างๆ ก็ต้องทำเพื่อเอาตัวรอดในการเลี้ยงชีพ และก็จะไม่ค่อยมีโอกาสได้บำเพ็ญบารมีทั้ง 10 ข้อนี้อีกหรือมีก็ทำได้ลำบากมากๆ (เพราะเกิดมาจน แสนจน นั่นเอง )
และที่ชัดเจนจวบจนถึงวันนี้ ถ้าสาธุชนที่มาทำบุญที่วัดปากน้ำฯ มองว่า "อานิสงค์ของการให้ทานเป็นชั้นต่ำสุด" และไม่มีใครอยากบริจาคทาน กองทุนถวายภัตราหารแด่พระภิกษุ-สามเณร-แม่ชี-และผู้มาประพฤติธรรม... พระภิกษุ-สามเณร จะอยู่ได้อย่างไร ต้องออกบิณฑบาตรทุกรูป พระสงฆ์-สามเณรจำนวนมาก จะต้องไปแย่งอาหารบิณฑบาตร สร้างความเดือดร้อนกับพระวัดอื่นๆในละแวกเดียวกัน เด่วก็บาดหมางใจกันเปล่าๆ...นี่คือเหตุผลที่ หลวงปู่ฯสด
จึงดำริห์ให้ตั้งโรงทานภายในวัดขึ้นมา ยังให้วัดปากน้ำฯ เจริญรุ่งเรือง มีพระภิกษุ-สามเณร-แม่ชี-ผู้ประพฤติธรรมอยู่จำนวนมาก และได้ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฯ มาจนถึงทุกวันนี้...
*** (แล้วแบบนี้คำที่คุณพูดว่า "อานิสงค์ของการให้ทานเป็นชั้นต่ำสุด" คงไม่น่าจะใช่ กระมังครับ ) ***
ผู้อ่านโปรดใช้วิจารญาณ ในการอ่านแบบเปิดใจ ไม่มีอคติใดๆ ในใจนะครับ..
ด้วยความเคารพทุกท่านนะครับ...
สาธุ อนุโมทามิ
ตอบลบจะเชื่อตอนเป็นหรือจะไปเห็นตอนตาย....กฎแห่งกรรมเป็นกฎสากล....ไม่ใช้มนุษย์เป็นผู้กำหนดนะครับ
ตอบลบ